Archive | 1:24 pm

ช็อคโกแลต

20 ธ.ค.

ไฟล์:Chocolate.jpg

ช็อกโกแลต หรือ ช็อกโกเลต (Chocolate) คือผลิตผลที่ได้มาจากเมล็ดของต้นโกโก้เขตร้อน ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมของของหวานหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นไอศกรีม ลูกอม คุกกี้ เค้ก หรือว่าพาย ช็อกโกแลตถือได้ว่าเป็นของหวานอย่างหนึ่งที่ถูกใจคนทั่วโลก

ช็อกโกแลตทำจากการหมัก คั่ว และบดอย่างละเอียดของเมล็ดโกโก้ซึ่งได้มาจากต้นโกโก้เขตร้อน (tropical cacao tree) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากอเมริกากลางและเม็กซิโก ต้นโกโก้นั้นถูกค้นพบโดยชาวอินเดียนแดงและชาวอัซเตก (Aztecs) แต่ในปัจจุบันได้แพร่กระจายและปลูกไปทั่วเขตร้อน เมล็ดของต้นโกโก้นั้นมีรสฝาดที่เข้มข้นมาก ผลผลิตของเมล็ดโกโก้รู้จักกันในนาม “ช็อกโกแลต” หรือบางส่วนของโลกในนาม “โกโก้”

ผลิตภัณฑ์จากเมล็ดโกโก้รู้จักภายใต้หลายชื่อแตกต่างกันไปในส่วนต่าง ๆ ของโลก ในอเมริกา อุตสาหกรรมช็อกโกแลตได้จำกัดความไว้ว่า

  • โกโก้ (cocoa) คือเมล็ดของต้นโกโก้
  • เนยโกโก้ (cocoa butter) คือไขมันของเมล็ดโกโก้
  • ช็อกโกแลต (chocolate) คือส่วนผสมระหว่างเมล็ดของต้นโกโก้และเนยโกโก้

ช็อกโกแลตคือส่วนผสมระหว่างเมล็ดของฝักถั่วโกโก้และเนยโกโก้ ซึ่งได้ผสมน้ำตาลและส่วนผสมอื่น ๆ และถูกทำให้อยู่ในรูปของแท่งและรูปอื่น ๆ

เมล็ดของต้นโกโก้นอกจากทำเป็นช็อกโกแลตได้แล้วยังสามารถทำเป็นเครื่องดื่มได้ด้วย เช่น ช็อกโกแลตร้อน เครื่องดื่มช็อกโกแลตนั้นได้ถูกคิดค้นขึ้นโดยชาวอัซเตก (Aztecs) หลังจากนั้นโดยชนเผ่าอินเดียนแดงและชาวยุโรป

บ่อยครั้งที่ช็อกโกแลตมักจะถูกทำให้อยู่ในรูปของสัตว์ต่าง ๆ คน หรือวัตถุในจินตนาการ เพื่อร่วมในงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น รูปกระต่าย รูปทรงไข่ในเทศกาลอีสเตอร์ รูปของเหรียญหรือซานตาคลอสในเทศกาลคริสต์มาส และรูปทรงหัวใจในเทศกาลวาเลนไทน์

ช็อกโกแลต หรือ ช็อกโกเลต (Chocolate) คือผลิตผลที่ได้มาจากเมล็ดของต้นโกโก้เขตร้อน ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมของของหวานหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นไอศกรีม ลูกอม คุกกี้ เค้ก หรือว่าพาย ช็อกโกแลตถือได้ว่าเป็นของหวานอย่างหนึ่งที่ถูกใจคนทั่วโลก

ช็อกโกแลตทำจากการหมัก คั่ว และบดอย่างละเอียดของเมล็ดโกโก้ซึ่งได้มาจากต้นโกโก้เขตร้อน (tropical cacao tree) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากอเมริกากลางและเม็กซิโก ต้นโกโก้นั้นถูกค้นพบโดยชาวอินเดียนแดงและชาวอัซเตก (Aztecs) แต่ในปัจจุบันได้แพร่กระจายและปลูกไปทั่วเขตร้อน เมล็ดของต้นโกโก้นั้นมีรสฝาดที่เข้มข้นมาก ผลผลิตของเมล็ดโกโก้รู้จักกันในนาม “ช็อกโกแลต” หรือบางส่วนของโลกในนาม “โกโก้”

ผลิตภัณฑ์จากเมล็ดโกโก้รู้จักภายใต้หลายชื่อแตกต่างกันไปในส่วนต่าง ๆ ของโลก ในอเมริกา อุตสาหกรรมช็อกโกแลตได้จำกัดความไว้ว่า

  • โกโก้ (cocoa) คือเมล็ดของต้นโกโก้
  • เนยโกโก้ (cocoa butter) คือไขมันของเมล็ดโกโก้
  • ช็อกโกแลต (chocolate) คือส่วนผสมระหว่างเมล็ดของต้นโกโก้และเนยโกโก้

ช็อกโกแลตคือส่วนผสมระหว่างเมล็ดของฝักถั่วโกโก้และเนยโกโก้ ซึ่งได้ผสมน้ำตาลและส่วนผสมอื่น ๆ และถูกทำให้อยู่ในรูปของแท่งและรูปอื่น ๆ

เมล็ดของต้นโกโก้นอกจากทำเป็นช็อกโกแลตได้แล้วยังสามารถทำเป็นเครื่องดื่มได้ด้วย เช่น ช็อกโกแลตร้อน เครื่องดื่มช็อกโกแลตนั้นได้ถูกคิดค้นขึ้นโดยชาวอัซเตก (Aztecs) หลังจากนั้นโดยชนเผ่าอินเดียนแดงและชาวยุโรป

บ่อยครั้งที่ช็อกโกแลตมักจะถูกทำให้อยู่ในรูปของสัตว์ต่าง ๆ คน หรือวัตถุในจินตนาการ เพื่อร่วมในงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น รูปกระต่าย รูปทรงไข่ในเทศกาลอีสเตอร์ รูปของเหรียญหรือซานตาคลอสในเทศกาลคริสต์มาส และรูปทรงหัวใจในเทศกาลวาเลนไทน์

credit:http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Chocolate.jpg

ล้างบ้านหลังน้ำท่วมระวัง เชื้อรากระจาย

20 ธ.ค.

เมื่อทำความสะอาดบ้านเรียบร้อย แล้วควรรีบอาบน้ำ สระผมทันที เพราะเชื้อโรคที่เรามองไม่เห็นจะติดมากับผิวหนัง แลเชื้อราหลังน้ำท่วมะจะเข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจ ในภาวะที่เกิดอุทกภัยหลายพื้นที่ ส่งผลให้น้ำท่วมบ้านของประชาชนในหลายๆ พื้นที่ท่วมสูงแตกต่างกันไป บางพื้นที่น้ำท่วมบ้านต้องจมอยู่ในน้ำ เป็นเดือนๆ บางพื้นที่แค่ 1 หรือ 2 สัปดาห์ บางพื้นที่ก็เพียงไม่กี่วัน แต่เมื่อน้ำเริ่มลดลงเจ้าของบ้านทุกคน ก็จะเริ่มทยอยเข้าไปทำความสะอาดบ้าน ความชื้นของน้ำที่ท่วมภายในบ้าน เป็นแหล่งที่อยู่ของเชื้อรา ซึ่งจะขยายตัวและกระจายอยู่ตามอากาศ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ตลอดถึงขอบประตูหน้าต่างทุกบาน ทุกพื้นที่ภายในบ้าน ดังนั้น การเข้าบ้านจึงต้องเริ่มจากการเปิดประตูหน้าต่างทุกบาน เพื่อให้เกิดการระบายอากาศภายในบ้านและให้แสงแดดส่องถึงพื้นที่ภายในบ้าน เปิดเพื่อให้อากาศถ่ายเทสักครึ่งวัน หรือ 1 วันเต็ม ต่อจากนั้นให้เตรียมตัวเองให้พร้อมตั้งแต่อุปกรณ์ทำความสะอาด ผู้ที่ร่างกายอ่อนแอหรือมีภูมิต้านทานไม่ดี (เบาหวาน กินยาสเตียรอยด์ ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ทานยากดภูมิต้านทาน ผู้ป่วยที่รักษามะเร็งด้วยเคมีบำบัดหรือยา หรือมีโรคหอบ หืด ประจำตัว) รวมถึงเด็กและผู้สูงอายุ

credit:http://www.samunpri.com/

รู้จักกับ มาร์ชเมลโล่

20 ธ.ค.

marshmallow01.jpg picture by charinrat

Marshmallow หรือ มาร์ชมาลโลว์ เป็นขนมหวานชนิดหนึ่ง มีส่วนประกอบหลักๆ ได้แก่ เจลาติน, น้ำและน้ำตาล โดยส่วนผสมจะถูกตีจนขึ้นฟูมีลักษณะนุ่มเบาเหมือนโฟม จริงๆ แล้วสูตรดั้งเดิมของการทำ Marshmallow นั้นไม่ได้ทำมาจากเจลาติน แต่ทำมาจากสารสกัดเข้มข้นที่ได้จากเมือกของรากของต้น Marshmallow (Althaea officinalis) ซึ่งถือเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง แต่เนื่องจากหายากและราคาแพง ปัจจุบันจึงเปลี่ยนมาใช้เจลาตินแทน

 

Marshmallow ได้ถูกผลิตขึ้นเป็นสินค้าครั้งแรกในช่วงราวๆ ปลายศตวรรษที่ 19 โดยบริษัท Doumak ซึ่งได้คิดค้นกระบวนการ Extrusion กล่าวคือโฟม Marshmallow จะถูกบีบอัดผ่านแม่พิมพ์ให้เป็นแท่งยาว จากนั้นก็ถูกตัดให้เป็นก้อนเล็กๆ บางครั้งอาจเคลือบผิวด้วยน้ำตาล ส่วนมากจะผลิตที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา จากสถิติพบว่าคนอเมริกันกิน Marshmallow ถึงปีละ 90 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

 

รูปแบบของการกิน Marshmallow นั้นนับเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะสามารถกิน Marshmallow แบบก้อนธรรมดาเล่นๆ เพลินๆ แล้ว Marshmallow ยังเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมแคมป์ไฟ โดยกิจกรรมการกินนี้เรียกกันว่า S’more ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นิยมมากในประเทศอเมริกันและแคนาดา กล่าวกันว่าเกิดขึ้นครั้งแรกในค่ายเนตรนารี (Girl Scout) ในปี 1927 โดยเป็นหนึ่งในกิจกรรมนันทนาการของการออกแคมป์ และเมื่อเด็กคนหนึ่งได้กินก็ติดใจจึงพูดขึ้นมาว่า Gimme some more ซึ่งกลายเป็นที่มาของชื่อ S’more นั่นเอง

 

marshmallow02.jpg picture by charinrat

 

วัตถุดิบก็ไม่ยุ่งยากได้แก่ Marshmallow, ขนมปังแครกเกอร์แผ่นบางๆ ช็อกโกแลตแผ่นเล็กๆ และที่ขาดไม่ได้ก็คือกองไฟนั่นเอง วิธีการก็เริ่มด้วยการปิ้ง Marshmallow เมื่อMarshmallow ถูกความร้อนเนื้อภายในจะเริ่มละลายและขยายพองออก หากทิ้งไว้นานมันจะละลายเยิ้มหยดย้อย ดังนั้นเราต้องสังเกตให้ดีหากมันเริ่มพองและผิวนอกเริ่มมีสีน้ำตาลอ่อนๆ ก็เป็นอันใช้ได้ จากนั้นก็นำมาวางบนแผ่นแครกเกอร์ที่มีช็อกโกแลตแผ่นเล็กๆ วางอยู่ และประกบด้วยแผ่นแครกเกอร์อีกแผ่นเป็นอันเสร็จพิธี ความร้อนจาก Mashmellowจะทำให้ช็อกโกแลตละลายเยิ้มๆ ไปด้วย ลองคิดภาพตาม โอ้มันช่างน่ากินจริงๆ ใช่แล้วมันน่ากินจนชาวอเมริกันเค้ากำหนดให้ในวันที่ 10 สิงหาคมของทุกปีเป็น National S’mores Day หรือ National Marshmallow Toasting Day อีกด้วย อะไรจะปานนั้น

 

marshmallow03.jpg picture by charinrat

การกิน Marshmallow อีกวิธีหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมก็คือ การโรยลงบนเครื่องดื่มร้อนๆ เช่น ช็อกโกแลต หรือกาแฟ มันจะลอยๆ อมน้ำนิดๆ พองหน่อยๆ พอเข้าปากก็ละลายได้ใจจริงๆ

 

marshmallow04.jpg picture by charinrat

ในไอศกรีมก็มีการเอาเจ้า Marshmallow ผสมลงไปด้วย จนเกิดเป็นรสชาติใหม่ที่เรียกว่า Rocky Road ซึ่งเป็นรสชาติที่ฮิตติดอันดับ 1ใน 10 ของรสชาติไอศกรีมที่เป็นที่ชื่นชอบของคนอเมริกา ส่วนผสมที่สำคัญก็ได้แก่ ไอศกรีมช็อกโกแลต, Marshmallow และถั่ว นอกจากนี้ก็ผสมMarshmallow ในขนมหวานและเยลลี่ด้วยค่ะ น่ารักน่ากินเนอะๆ

 

http://en.wikipedia.org/wiki/S%27mores

 

http://www.holidayinsights.com/other/smoresday.htm

 

รูป จาก www.stockfood.com

วิธีทำฟรุ้ตเค้ก

20 ธ.ค.
 

ส่วนผสมซ

  • แป้งเค้ก
  • ผลไม้อบแห้งที่ต้องการ
  • เนยรสจืด
  • น้ำตาลทรายแดง
  • นมจืด
  • เยมส้ม
  • เมล็ดมะม่วงหิมมะพานอบ
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • เกลือ
  • ผงฟู
  • น้ำฝึ้ง
  • เหล้ารำ
ขั้นตอนการทำ:
  1. ร่อนของแห้งทั้งหมดลงผสมให้เข้ากัน แป้งเค้ก+น้ำตาลทรายแดง+เกลือ+ผงฟู
  2. หั่นผลไม้อบแห้งชิ้นพอประมาณไม่ใหญ่เกิดไป
  3. หมักผลไม้อบแห้งด้วยเหล้ารำ
  4. ตีเนยด้วยความเร็วสูง จนกว่าเนยเริ่มจะขึ้นฟู ใส่ไข่ไก่ที่ละ 1 ฟอง ใส่น้ำผึ้งที่เตรียมไว้
  5. ลดความเร็วในการตี ใส่แป้งและนมสดลงไปที่ละนิด
  6. นำผลไม้รวมที่หมักไว้มาใส่ลงในแป้งที่ผสม(เหลือไว้บางส่วนไว้แต่งหน้า) คลุกให้เข้ากัน จากนั้นใส่เมล็ดมะม่วงหิมมะพานลงไป
  7. เตรียมพิมพ์โดยรองกระดาษไขเพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อเค้กติดกับพิมพ์
  8. โรยผลไม้อบที่เหลือไว้ด้านบน
  9. นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศา เป็นเวลา 40 นาที 
  10. นำออกจากเตา โดยให้แกะกระดาษไขออกทันที พักทิ้งไว้ให้เย็น
  11. ตกแต่งหน้าเค้กด้วยแยมส้ม

credit:http://lovekanomcake.blogspot.com/

ของกินแปลกๆ

20 ธ.ค.

ช็อคโกแลตอุปกรณ์ช่าง กินได้ด้วยนะ ไม่ได้โชว์อย่างเดียว

น่ากินไหมคะ สะใจดีนะ ได้กินคีม กินกรรไกร … แต่อย่าเผลอเอาไปวางไว้ใกล้ ของจริงนะ ไม่งั้นฟันหักแน่

 
 
แอ๊บเปิ้ลทั้งนั้น กระจัดกระจาย เต็มถนนเลย

แอ๊บเปิ้ลทั้งนั้น กระจัดกระจาย เต็มถนนเลย

  • รูป: แอ๊บเปิ้ลทั้งนั้น กระจัดกระจาย เต็มถนนเลย
 
ขนมน่ากิน ลายคิตตี้ (Hello kitty) น่ารักๆ

ขนมน่ากิน ลายคิตตี้ (Hello kitty) น่ารักๆ

credit:http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1010298